application เทคโนโลยีที่ควรรู้ให้เท่าทัน แอพพลิเคชั่น ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
application แอพพลิเคชั่น หรือสิ่งที่เราจะพูดกันสั้นๆว่า App (แอพ) ซึ่งมันโปรแกรมที่สร้างมาเพื่อ อำนวยความสะวดกในด้านต่างๆ ที่มีการออกแบบสำหรับ Mobile (โมบาย) หรือว่า Teblet (แท็บเล็ต) หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับพวกระบบปฏิบัติการ ก็จะมีผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ขึ้นมามากมาย เพื่อให้ตรงโจทย์ กับความต้องการของผู้ใช้งาน โดยส่วนมากแล้ว ก็จะมาในรูปแบบของการ ให้ดาวน์โหลดทั้งฟรี และจ่ายเงิน ทั้งในด้านการศึกษา ด้านการสื่อสา รหรือแม้แต่ด้านความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น
แอพพลิเคชั่น ก็คือ ซอฟแวร์ประเภทหนึ่ง ที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วย ให้เรานั่นสามารถกระทำ การบางอย่างได้ตามความต้องการของเราได้ หรือจะเรียกกว่า ตอบสนองต่อความต้องการของเราได้ตรงจุด แอพพลิเคชั่น ที่สำหรับใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และโน๊ตบุ๊คนั้น เราจะเรียกว่า “เดสก์ทอป แอพพลิเคชั่น (Desktop Applications)” และในส่วนแอพพลิเคชั่น ที่มีการทำงานบนเครื่องอุปกรณ์พกพา ทั้งหลาย เราก็จะเรียกว่า “โมบายล์ แอพพลิเคชั่น (Mobile Applications)”
ประเภทของ application ที่เราควรรู้ มีอะไรบ้าง
ในการแบ่งApplication ที่เราจะแบ่งประเภทย่อยๆ ตามเรื่องของการทำงานของมัน (Environment หรือ Platform) ของมัน เช่น
- Desktop Application คือ Applicationที่มีการทำงานบนเครื่อง Desktop Computer เช่น PC หรือ Mac เป็นต้น
- Mobile Application คือ Applicationที่มีการทำงานบน Mobile Device เช่น โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
- Web Application คือ Applicationที่มีการทำงานบน Web เช่น Gmail เป็นต้น
และเราก็จะมาแบ่งapplication ที่เรามักจะนิยมใช้กันสำหรับ อุปกรณ์เครื่องที่ (Mobile Device) ที่ปัจจุบันมีการนิยมใช้กันอย่างแพร่พลาย ซึ่งสามารถแบ่งรูปแบบ ของการพัฒนาได้ 3 รูปแบบ คือ Native Application Hybrid Application และ Web Application ดังนี้
- Native Applicationคือ แอพพลิเคชั่น ที่ได้มีการถูกพัฒนากันขึ้นมาโดยอาศัย Library หรือ SDK ของแพลตฟอร์ม(Platform) นั้นๆ และก็จะต้องทำการพัฒนาด้วยภาษาของแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น แอนดรอยด์ (Android) ใช้ภาษาจาวา(Java) วินโดวส์โฟน (Windows Phone) ใช้ภาษาซีชาร์ป (C#) และไอโอเอส (iOS) ใช้ภาษาอ็อปเจ็คซี(Object-C) เป็นต้น ซึ่งสำหรับข้อดีของการ พัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบ Native นี้ก็จะสามารถดึงทรัพยากร ของระบบมาใช้งานได้เต็มที่ และทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ก็ยังแอบมีข้อเสีย ก็คือ หากต้องการที่จะพัฒนาแอพพลิเคชั่น ให้สามารถใช้งาน กับแพลตฟอร์มอื่นได้ ก็จะต้องเริ่มพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ ซึ่งจะทำให้ต้นทุน ในการพัฒนาสูง และใช้เวลานานนั่นเอง
- Hybrid Applicationหรือ Cross-platform Applicationคือ แอพพลิเคชั่น ที่มีการพัฒนา ซึ่งจะอาศัยอาศัยเฟรมเวิร์ค(Framework) ที่จะมีการใช้ภาษาใด ภาษาหนึ่ง ที่ะเป็นตัวหลางในการพัฒนา แล้วเฟรมเวิร์ค ก็จะทำการแปลงภาษานั้นๆ ให้ได้สำหรับแอพพลิเคชั่น ที่จะสามารถใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งข้อดีของการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบนี้ จะมีสะดวกในเรื่องของการ ลดระยะเวลา ที่จะทำการพัฒนาให้สั้นลง แถมแอพพลิเคชั่น ก็ยังจะสามารถใช้งาน กับทรัพยากรได้ดีอีกด้วย
- Web Applicationคือ แอพพลิเคชั่นที่แสดงหน้าเว็บผ่านตัว Applicationที่จะแทนการเข้าเบราว์เซอร์ (Browser) ซึ่งถือว่าเป้นการใช้งานแอพพลิเคชั่น ก็จะต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา แต่ก็อาจจะไม่สามารถใช้ทรัพยากร บางอย่างของระบบได้ ทั้งนี้ข้อดีของกา รพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบนี้ ก็คือใช้เวลาในการพัฒนาได้รวดเร็วนั่นเอง
แอพพลิเคชั่น ที่ควรมีติดเครื่องไว้ทั้ง Android และ IOS
1. Facebook บอกว่าเป็นแอพฯ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ได้รับความนิยมอย่างมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งเราคงไม่ต้องบอกเลยว่า เจ้าตัวแอพนี้มีความสามารถ หรือมีจุดเด่นอะไร เพราะเชื่อว่าหลายๆคนนั่นก็คงรู้จักกันดีอยู่แล้ว โดยการทำงานหลักๆของ Facebook นั้นคือการดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนคุณจาก Timeline บนแอพฯ ตรงกันข้ามผู้ใช้งาน แถมยังสามารถแชร์รูป, วิดีโอและสถานะการอัพเดตอื่น ๆ เป็นต้น
2. Facebook Messenger สำหรับเจ้าตัวแอพนี้ คือแอพที่พ่วงติดมากับแอพ Facebook ที่จะทำให้คุณไม่พลาดการติดต่อสื่อสาร กับเพื่อนๆของคุณ โดยนอกจากที่จะสามารถ ส่งข้อความหากันได้แล้วนั้น ก็ยังสามารถแนบรูป, แนบไฟล์ หรือบันทึกเสียง ให้กับคู่สนทนาของคุณได้อีกด้วย บอกเลยว่าต้องมีคู่กัน ขาดกันไม่ได้แน่นอน
3. Instagram เป็นแอพฯ แต่งรูปโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในแอพฯ ที่ได้เป็นประเภทเดียวกัน โดยสำหรับภายในตัวแอพฯ สามารถถ่ายรูป, แต่งรูป, ใส่ฟิลเตอร์ต่าง ๆ พร้อมทั้งทำการแชร์รูป เพื่อให้เพื่อนของคุณได้ติดตามกัน ซึ่งถ้าเพื่อนของคุณชอบหรือถูกใจก็จะสามารถทำการกด Like หรือ Commen ภาพของเราได้อีกด้วย บอกเลยว่าสายเซียลฟี่ หรือชื่นชอบการอัพภาพ ถ่ายภาพ ต้องถูกใจอย่างแน่นอน
4. Twitter อีกหนึ่งแอพ ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ใครเลยจริงๆ โดยผู้ใช้งานก็จะสามารถโพสต์ข้อความ (Tweet) เพื่อบอกต่อหรือแชร์ข้อมูล (Retweet) ต่อจากบุคคลอื่น ๆ ที่เราได้ติดตามอยู่ได้ แถมนอกจากความสามารถที่ว่าแล้ว Twitter ยังสามารถโพสต์รูปภาพ, คลิปเสียงหรือคลิปวีดีโอที่ต้องการ เพื่อให้เพื่อน ๆ ของคุณที่ติดตามอยู่ได้ชมกันได้อีกด้วย
5. LINE ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแอพฯ ที่จะทำการส่งข้อความหากัน หรือแชทพูดคุยบน โทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย เพราะนอกจากที่ LINE จะส่งข้อความหากันได้แล้ว ก็ยังสามารถส่งรูป, วิดีโอ, คลิปเสียงและวิดีโอ รวมไปถึงการโทรคุยกันแบบเห็นหน้ากัน ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ถือได้ว่าเหมาะกับขาแชทอย่างยิ่ง
6. YouTube ได้เป็นแอพฯ เอาไว้เพื่อดูคลิปวีดีโอได้ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นข่าว, ละคร, เพลง และคลิปอื่น ๆ อีกมากมาย โดยนอกจากนี้แล้ว YouTube ก็ยังสามารถเข้าไปจัดการวีดีโอ, เลือกติดตามช่องโปรด, ดูวีดีโอที่แนะนำ, เข้าถึงเพลย์ลิสต์ ในการดูคลิปวิดีโอ รวมถึงการอัพโหลดวีดีโอของคุณเองลงไปบน YouTube ได้อีกด้วย
7. TikTok อีกหนึ่งแอพฯ ที่มาในรูปแบบของ คลิปวิดิโอสั้นๆ ที่ได้รับกระแสมาจาก สถานกาณ์โควิด-19 เมื่อคนทั้งโลกต้องอยู่บ้าน ทำงาน Work from home กันทำให้การอยู่บ้านของหลายๆคนน่าเบื่อ และแอพ TikTok เนี่ยแหล่ะที่มาสร้างกระแสนำเทรนด์ ทั้งในเรื่องของการ เต้น ทำคอนเท้นต์ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนมาถึงปัจจุบัน บอกเลยว่าหลายๆคนก็สามารถทำรายได้จากการ ทำคลิปจาก TikTok ได้ด้วยนะ
การใช้งาน แอพพลิเคชั่น ที่ครอบคลุมเพื่อตอบโจทย์แก่ทุกคน
สำหรับการใช้งานapplication ในด้านต่างๆ ในปัจจุบันนี้ บอกเลยว่าทำมาเพื่อตอบโจทย์ในการใช้งานอย่างแท้จริง เพราะเพียงแค่เรา ไมีสมาทโฟนร์เพียงแค่เครื่องเดียวเท่านั้น ก็จะสามารถทำได้แทบทุกอย่างแล้ว ทั้งในเรื่องของการ โอนเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งได้เป็นช่องทางที่สะดวก ประหยัด และรวดเร็ว และในเรื่องของการ สืบค้นผ่านอุปกรณ์สื่อสาร ที่หากเรามีข้อสงสัย หรือต้องการหาข้อมูลก็สามารถทำได้ทันที รวมไปถึงในเรื่องของกาเรดินทางอย่าง google map ที่เราจะคอยนำทางเวลาเดินทางให้เราถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น ารติดตามสุขภาพหรือการตรวจสุขภาพทางไกล ซึ่งบอกเลยว่าตอบโจทย์อย่างมาก สำหรับหลายๆคนที่ได้เป็นผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่จำเป็นต้องนอนที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยจะอยู่บ้านโดยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้หน่วยงานทางด้านสุขภาพประหยัดค่าใช้จ่ายลงจากเดิม ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ ซึ่งนี้ก็เป็นส่วนที่เป็นความสะดวกสบาย ในการใช้งานแอพต่างๆ บอกเลยว่าเรื่องของ แอพพลิเคชั่น ยังมีอีกเยอะ งานนี้ต้องรอติดตามเทคโนโยลีที่มีการพัฒนาเรื่อยๆแบบไม่รู้จบ
สาระไอที : ความรู้ไอที
ผู้สนับสนุน : คลิ๊ก!!